30.07.2025
รวมข้อกฎหมายที่ต้องรู้ก่อนดัดแปลงสภาพรถ ครบที่เดียว !
ดัดแปลงสภาพรถยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย ? บอกครบที่นี่
การแต่งรถหรือการดัดแปลงสภาพรถยนต์ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของเหล่า “ค.คนรักรถ” ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงาม เพิ่มสมรรถนะ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทาง เช่น ใช้ในธุรกิจขนส่ง แต่รู้หรือไม่ว่าการดัดแปลงสภาพรถที่ผิดขั้นตอน หรือไม่แจ้งให้กรมการขนส่งทางบกทราบนั้นมีความผิดทางกฎหมาย โดยมีบทลงโทษด้วยการปรับจำนวนไม่น้อย ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาเป็นตัวช่วยให้กับคนที่อยากแต่งรถ แต่ไม่อยากทำผิดกฎหมายดัดแปลงสภาพรถยนต์ ด้วยการอธิบายแบบครบถ้วนว่าการดัดแปลงสภาพรถแบบใดที่ “ต้องขออนุญาต” แบบใดที่ “ไม่ต้องขอ” และหากจะดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ดัดแปลงสภาพรถอะไรบ้าง "ต้องขออนุญาต"
การดัดแปลงสภาพรถใด ๆ ก็ตามที่กฎหมายเห็นว่าส่งผลให้รถมีลักษณะต่างจากที่จดทะเบียนไว้ในเล่ม ก่อนทำการดัดแปลงต้อง “แจ้งนายทะเบียน” เพื่ออัปเดตรายละเอียดให้ถูกต้องตามกฎหมายดัดแปลงสภาพรถ โดยตัวอย่างการดัดแปลงที่ต้องแจ้งมีดังนี้
- เปลี่ยนเครื่องยนต์: ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น หรือจากเบนซินเป็นดีเซล ล้วนต้องแจ้งดัดแปลงสภาพรถยนต์
- เปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง: เช่น จากน้ำมันเป็นแก๊ส LPG/NGV หรือเปลี่ยนเป็นรถ EV
- ดัดแปลงตัวถังรถ: เช่น ตัดหลังคา เปลี่ยนท้ายรถ เสริมโครงสร้างต่าง ๆ
- เปลี่ยนระบบกันสะเทือน: ไม่ว่าจะเป็นการโหลดเตี้ย เสริมแหนบ หรือยกสูงขึ้น
- ติดตั้งโครงหลังคา หรืออุปกรณ์ท้ายรถ: เช่น โครงเหล็กขนของ หรือชุดยกของท้ายกระบะ
- ดัดแปลงระบบบังคับเลี้ยว หรือระบบขับเคลื่อน: เช่น เปลี่ยนจากขับ 2 ล้อเป็นขับ 4 ล้อ
- เปลี่ยนสีรถเกิน 30%: ไม่ว่าจะพ่นสีใหม่หรือ Wrap หากเกิน 30% ต้องแจ้งภายใน 7 วัน
- ติดตั้งซันรูฟ / มูนรูฟเพิ่มเติม: ถือเป็นการแก้ไขโครงสร้างตัวรถ ต้องแจ้งดัดแปลงสภาพรถยนต์ก่อนดำเนินการ
ดัดแปลงแบบไหน "ไม่ต้องแจ้ง"
สำหรับการดัดแปลงสภาพรถที่มีจุดประสงค์แค่เพื่อตกแต่งรถให้ดูดีขึ้น หรือเพิ่มฟังก์ชันที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัยและโครงสร้างของรถ แบบนี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งแต่อย่างใด โดยตัวอย่างการดัดแปลงที่สามารถทำได้เลย มีดังนี้
- สปอยเลอร์: เพิ่มความสปอร์ตได้โดยไม่กระทบโครงสร้าง
- แร็กหลังคา: ใช้บรรทุกของเบา ๆ อย่างกระเป๋าเดินทาง
- โรลบาร์: ติดตั้งเพื่อความแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องถอดเบาะ
- กันชนแต่ง: ถ้าไม่กีดขวางหรือยื่นเกินจากโครงสร้างมากเกินไป
- พื้นรองกระบะ / เกจวัดรอบ / สติกเกอร์ตกแต่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ต้องแจ้ง แต่ก็ต้องติดตั้งอย่างปลอดภัยและเหมาะสม ไม่รบกวนผู้อื่น เช่น ห้ามใช้ไฟตกแต่งสีฉูดฉาด หรือดัดแปลงท่อไอเสียให้เสียงดังเกินกฎหมายกำหนด
บทลงโทษสำหรับการดัดแปลงสภาพรถโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากมีการดัดแปลงที่ควรแจ้งตามกฎหมายดัดแปลงสภาพรถยนต์ แต่เจ้าของรถกลับไม่แจ้งนายทะเบียน จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งมีบทลงโทษดังนี้
- รถยนต์ทั่วไป: ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- รถขนส่งหรือเชิงพาณิชย์: ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
นอกจากบทลงโทษในส่วนของค่าปรับแล้ว เจ้าของรถยังมีหน้าที่ต้องนำรถไปแก้ไข หรือนำส่งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสภาพอีกครั้งก่อนใช้งานต่อได้อย่างถูกกฎหมาย โดยหากไม่ทำตามก็จะไม่สามารถนำรถดัดแปลงสภาพคันดังกล่าวไปต่อภาษีประจำปีได้

ขั้นตอนการขออนุญาตดัดแปลงสภาพรถ
เจ้าของรถคนไหนต้องการดัดแปลงสภาพรถในส่วนที่กฎหมายกำหนดว่าต้องแจ้ง ต้องดำเนินการแจ้งดัดแปลงสภาพรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบกก่อนใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลักได้ดังนี้
1. ส่วนตรวจสภาพรถ
- ยื่นคำขอพร้อมเอกสาร
- ถ่ายภาพรถ และลอกเลขตัวถังเป็นหลักฐาน
- ตรวจสอบจุดที่ดัดแปลงว่ากระทบต่อความปลอดภัยหรือไม่
- โดยหากผ่าน จะสามารถไปดำเนินการที่ส่วนทะเบียนเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
- กรณีที่ไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่จะระบุข้อบกพร่องให้แก้ไขก่อน แล้วกลับมาตรวจใหม่
2. ส่วนงานทะเบียน
- ยื่นเอกสารพร้อมผลการตรวจสภาพ
- ตรวจสอบว่าต้องเสียภาษีสรรพสามิตหรือไม่
- ชำระค่าธรรมเนียม
- รับเล่มทะเบียนรถที่อัปเดตรายการใหม่แล้ว
เอกสารที่ต้องใช้ในการขออนุญาตดัดแปลงสภาพรถ
เพื่อให้การดำเนินการราบรื่น ควรเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบ
- บัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- กรณีนิติบุคคล: หนังสือรับรองบริษัท เอกสารกรรมการ หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- เล่มทะเบียนตัวจริงของรถ
- รายละเอียดการดัดแปลง: บันทึกจุดที่แก้ไข พร้อมภาพถ่ายก่อน-หลัง
- ใบเสร็จหรือหลักฐานการได้มาของอะไหล่: เช่น ใบรับรองการนำเข้า ใบเสร็จค่าทำสี
- หนังสือรับรองจากวิศวกรเครื่องกลระดับสามัญขึ้นไป: กรณีดัดแปลงที่ส่งผลต่อความปลอดภัย เช่น โครงสร้าง ช่วงล่าง หรือระบบขับเคลื่อน
- ภาพถ่ายตัวรถทั้ง 4 ด้าน และภาพในขณะดำเนินการ (พร้อมวันเวลา)
ถึงตรงนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหารถมือสองที่แต่งมาสวยถูกใจ หรืออยากได้รถคันใหม่เพื่อนำไปปรับแต่งให้ตรงสไตล์ตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นจากรถที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ โดยสามารถแวะมาที่ Autovilla ผู้นำตลาดรถมือสองที่คุณมั่นใจได้ในคุณภาพ ทุกคันผ่านการตรวจประเมินสภาพถึง 344 จุด โดย Goo Inspection สถาบันรับรองจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมบริการจัดหาไฟแนนซ์เพื่อความสะดวกในทุกขั้นตอน เลือกคันที่ใช่แล้วไปดัดแปลงในสไตล์คุณได้เลย
เรามีสาขาให้บริการรวม 3 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานี
- สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552
- สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
- สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098
ข้อมูลอ้างอิง
1. ระเบียบกรมการขนส่งทางบก. สืบค้นวันที่ 25 มิถุนายน 2568 จาก https://legal.dlt.go.th/A7.mobile?action=download&file=1018_LEGAL_DLT_COHC_04.PDF