11.09.2025

หลักกิโลเมตรต้องดูยังไง ? ตอบทุกข้อสงสัยในที่เดียว

เข้าใจเรื่องหลักกิโลเมตรบนถนนประเทศไทยในบทความเดียว

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็น “ป้ายหลักกิโลเมตร” ที่ตั้งอยู่ริมถนนผ่านตากันมาบ้างขณะที่ขับรถไปบนเส้นทางสายหลักทั่วประเทศไทย อย่างไรก็ตาม น่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังมีข้อสงสัย หรือไม่เข้าใจว่าป้ายสี่เหลี่ยมทรงโค้งสีขาวพร้อมตัวเลขสีดำโดดเด่นที่เห็นหมายถึงอะไร หรือสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง และหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เราจะใช้งานได้อย่างไร บทความนี้จึงจะพาไปรู้จักระบบ “หลักกิโลเมตร” อย่างละเอียด พร้อมตอบทุกข้อสงสัยที่คนทั่วไปมักไม่เคยรู้มาก่อน 

 

 

หลักกิโลเมตร คืออะไร ?

หลักกิโลเมตร หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ป้าย กม. คือเครื่องหมายบอกระยะทางที่ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงทั่วประเทศ ทำหน้าที่บอกให้รู้ว่าจุดที่เรากำลังอยู่นั้นห่างจากจุดเริ่มต้นของถนนสายนั้น ๆ เป็นระยะทางเท่าไร โดยปกติแล้วจะติดตั้งทุก ๆ 1 กิโลเมตร หรือในบางพื้นที่ที่มีความจำเป็นต้องระบุพิกัดให้แม่นยำ เช่น ในเขตชุมชนหรือพื้นที่ก่อสร้าง อาจจะมีการติดตั้งป้ายที่บอกระยะทางย่อยทุก ๆ  100 เมตร เพื่อให้สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างชัดเจน 

 

หลักกิโลเมตรมีประโยชน์มากกว่าแค่เป็นป้ายบอกระยะทาง เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทาง ตรวจสอบตำแหน่งรถ และใช้เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับงานก่อสร้างหรือการกู้ภัย



เทคนิคการอ่านป้ายหลักกิโลเมตรให้เป็น

บนป้ายหลักกิโลโดยทั่วไปจะมีข้อมูล 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 

 

1. สัญลักษณ์หน่วยงานหรือสัญลักษณ์ทางหลวง : เป็นสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหน้า (หันเข้าถนน) และอยู่บนสุดของป้าย ซึ่งจะบอกให้เรารู้ว่าถนนสายนี้อยู่ในความดูแลของหน่วยงานไหน เช่น สัญลักษณ์ที่เป็นตราครุฑ ก็จะอยู่ภายใต้การดูแลของกรมทางหลวง ส่วนสัญลักษณ์ที่เป็นเทวดา 3 องค์ จะอยู่ภายใต้การดูแลของกรมโยธา
2. หมายเลขทางหลวง : คือหมายเลขที่ใช้เรียกชื่อถนนสายนั้น ๆ โดยปกติแล้ว ทางหลวงหลักจะใช้เลขตัวเดียวหรือสองตัว เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน), ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ส่วนทางหลวงสายย่อยจะใช้เลขสามหลักหรือสี่ตัว การรู้หมายเลขทางหลวงจะช่วยให้เราเข้าใจเส้นทางและสามารถบอกพิกัดให้แก่คนอื่นได้ง่ายขึ้น
3. เลขกิโลเมตร : ส่วนนี้คือตัวเลขที่อยู่ตรงกลางป้าย มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่บอกระยะทาง โดยจะแสดงระยะทางจากจุดเริ่มต้นของถนนสายนั้น ๆ จนถึงจุดที่ป้ายตั้งอยู่ โดยเลขจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 กิโลเมตร หรืออาจมีตัวเลขย่อยที่บอกระยะทางเป็นเมตร เช่น กม. 15+500

 

จุดเริ่มต้นของถนนคือที่ไหน ?

แน่นอนว่าตัวเลขบนป้ายหลักกิโลไม่ได้เริ่มจากหน้าบ้านเรา แต่เริ่มจากจุดตั้งต้นของถนนแต่ละสาย โดยอาจจะเป็นกรุงเทพฯ หรือศูนย์กลางของจังหวัดนั้น ๆ แตกต่างกันไปตามแต่ละถนน ตัวอย่างเช่น 

 

• ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) : เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จ.กรุงเทพฯ
 ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) : เริ่มต้นที่คลองเตย จ.กรุงเทพฯ
 ถนนพระราม 2 (ทางหลวงหมายเลข 35) : เริ่มต้นที่จุดตัดถนนกาญจนาภิเษก

 

ดังนั้น ถ้าเราขับรถจากกม. 0 ไปยัง กม. 100 นั่นหมายความว่าเราได้เดินทางห่างจากจุดตั้งต้นไป 100 กิโลเมตรจริง ๆ

 

 

หลักกิโลเมตรใช้ทำอะไรได้บ้าง ?

สำหรับยุคนี้ที่การใช้ GPS และ Google Maps เป็นเรื่องปกติ การดูหลักกิโลเมตรแล้วอ้างอิงตำแหน่งด้วยหลักกิโลเมตรอาจดูไม่ค่อยได้รับความนิยมแล้ว ทว่า ระบบนี้ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งในหลากหลายประโยชน์ เช่น  

 

 ใช้เป็นพิกัดนำทาง : เมื่อเราเดินทางไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่มีสัญญาณ GPS หรือในกรณีฉุกเฉิน การมองหาป้ายหลักกิโลจะช่วยให้เราสามารถบอกตำแหน่งที่อยู่ของเราได้อย่างแม่นยำ เช่น “ตอนนี้เราอยู่ที่ กม. 35 ถนนพหลโยธิน”
 ใช้ในงานขนส่งและโลจิสติกส์ : บริษัทขนส่งหรือผู้ประกอบการมักจะใช้เลขหลักกิโลเมตร เป็นพิกัดในการกำหนดจุดส่งสินค้า วางแผนเส้นทาง หรือคำนวณระยะทางในการขนส่ง
 ใช้ในการช่วยเหลือฉุกเฉิน : หากเกิดเหตุรถเสีย อุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ การบอกพิกัดจาก ป้ายหลักกิโลจะช่วยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย ตำรวจทางหลวง หรือบริษัทประกันภัยเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
 ใช้ในการวางแผนก่อสร้าง-ซ่อมบำรุง : หน่วยงานราชการอย่างกรมทางหลวงจะใช้หลักกิโลเมตร เป็นพิกัดหลักในการวางแผนและดำเนินโครงการก่อสร้าง ซ่อมแซมถนน สะพาน หรือระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน

 

แล้วหลักที่มีเลขย่อย เช่น “กม. 14+800” หมายถึงอะไร ?

ในบางครั้งคุณอาจเห็นป้ายบอกระยะทางที่มีรูปแบบเป็น "กม. XX+YYY" เช่น "กม. 14+800" ซึ่งหมายความว่า จุดนี้อยู่ห่างจากหลักกิโลเมตรที่ 14 ไปอีก 800 เมตร หรือรวมเป็นระยะทาง 14.8 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้นของถนน

 

ระบบการระบุพิกัดแบบนี้ ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในระดับเมตร ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในงานวิศวกรรม งานสำรวจ งานก่อสร้าง และงานกู้ภัย เช่น เมื่อมีการรายงานว่า “อุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ กม.67+200” เจ้าหน้าที่ก็สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างชัดเจน

 

สังเกตยังไงว่าเรากำลังเดินทางสู่ “ขาเข้า” หรือ “ขาออก” ?

เทคนิคง่าย ๆ ในการดูหลักกิโลเมตรว่าเรากำลังเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง (ขาเข้า) หรือออกนอกตัวเมือง (ขาออก) คือการดูที่ตัวเลขบนป้ายหลักกิโล ดังนี้ 

 

• ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่า เรากำลังเดินทางออกจากจุดเริ่มต้นของถนน (เดินทางขาออก)
• ถ้าตัวเลขลดลงเรื่อย ๆ แสดงว่า เรากำลังเดินทางย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของถนน (เดินทางขาเข้า)

 

ดังนั้น ถ้าคุณเจอป้าย กม.82 แล้วขับต่อมาเจอ กม.81 แสดงว่าคุณกำลังเดินทางเข้าสู่ “ขาเข้า” ซึ่งเป็นต้นทางของถนนสายนั้น

 

ไม่ว่าจะขับผ่านหลักกิโลเมตรที่เท่าไร รถยนต์ที่ไว้วางใจได้คือเพื่อนร่วมทางที่สำคัญที่สุด โดยหากคุณกำลังมองหารถมือสองที่พร้อมลุยกับทุกเส้นทาง แนะนำซื้อ Nissan มือสองจาก Autovilla รถที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน สมรรถนะดีเยี่ยม และดูแลง่าย มีให้เลือกหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Nissan Almera สำหรับคนเมือง, Nissan Navara สำหรับสายเดินทาง หรือ Nissan X-Trail สำหรับครอบครัวที่ชอบขับรถเที่ยวแบบระยะไกล รถทุกคันจากเราผ่านการตรวจเช็กสภาพอย่างละเอียดกว่า 344 จุดโดย Goo Inspection สถาบันรับรองจากประเทศญี่ปุ่น ทั้งระบบเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และความพร้อมของอุปกรณ์ นอกจากนั้นเรายังมีบริการจัดไฟแนนซ์ด้านสินเชื่อรถยนต์ ผ่อนยาว 84 งวด และอนุมัติไวเร็วสุดใน 3 ชั่วโมง ช่วยลดความยุ่งยากในการถอยรถใหม่ โดย Autovilla มีทั้งหมด 3 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานี ใกล้ที่ไหนเดินทางไปที่นั่นได้เลย

 

 สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552 
 สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
 สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098

 

ข้อมูลอ้างอิง:

1. คำว่า “ซ่อมอู่” กับ “ซ่อมห้าง” แท้จริงแล้วแตกต่างกันอย่างไร ?. สืบค้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 จาก https://asiadirect.co.th/blog/auto-insurance-tips/compare-car-fix-service-with-2-type 

 

This website uses cookies to create a good experience as well as to manage personal information for youwhile using our website. Privacy Policy

Accept