21.04.2025
ใบขับขี่หมดอายุต้องทำอย่างไร ? ตอบครบจบในที่เดียว
ใบขับขี่หมดอายุต้องทำอย่างไร ? แนะขั้นตอนต่ออายุแบบครบจบ
หลายคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าใบขับขี่ของตนเองหมดอายุ และกำลังรีบหาเวลาเพื่อไปทำใบขับขี่ใหม่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า การต่อใบขับขี่ที่หมดอายุต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจข้อมูลอย่างถูกต้อง เราได้รวบรวมทุกเรื่องที่ควรต้องรู้ก่อนไปต่ออายุใบขับขี่มาแนะนำกัน
ใบขับขี่หมดอายุ ต้องต่อภายในกี่วัน ?
ตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก ใบขับขี่หมดอายุสามารถต่อได้ภายใน 1 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้
- หมดอายุไม่เกิน 1 ปี สามารถต่อใบขับขี่ได้โดยไม่ต้องสอบข้อเขียนหรือทดสอบขับรถ เพียงเตรียมเอกสารและเข้ารับการอบรมออนไลน์
- หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ต้องสอบข้อเขียนใหม่ แต่ไม่ต้องทดสอบขับรถ
- หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด ทั้งสอบข้อเขียนและสอบขับรถ เสมือนการทำใบขับขี่ครั้งแรก
ดังนั้น การรักษาสถานะใบขับขี่ให้ไม่หมดอายุเกิน 1 ปี จะช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากได้มาก หากพบว่าใบขับขี่ใกล้หมดอายุแล้ว ควรวางแผนต่ออายุโดยเร็วที่สุด
ต่อใบขับขี่หมดอายุ ต้องทำอย่างไร ?
ก่อนเดินทางไปต่อใบขับขี่ มีสิ่งที่ควรทำดังต่อไปนี้
เตรียมเอกสารให้พร้อม
สิ่งสำคัญประการแรก คือควรเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลาเดินทางหลายรอบ โดยมีรายการเอกสารที่ต้องจัดเตรียม ดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง (พร้อมสำเนา 1 ฉบับ)
- ใบขับขี่ฉบับเดิมที่หมดอายุ (หากสูญหายให้แจ้งความและนำใบแจ้งความมาด้วย)
- ใบรับรองแพทย์ ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน จากสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน โดยควรระบุว่าไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่ เช่น โรคลมชัก โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคตาบอดสี หรือโรคที่มีอาการไวต่อแสง
- หลักฐานการอบรม e-Learning จากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
จองคิวล่วงหน้าผ่านแอปฯ DLT Smart Queue
ในการต่อใบขับขี่หมดอายุ สามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue แทนที่จะต้องไปรอคิวที่สำนักงานขนส่ง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาอย่างมาก โดยมีขั้นตอนการจองคิว ดังนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue จาก App Store หรือ Google Play
- ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ
- เลือกประเภทบริการ "ต่ออายุใบขับขี่"
- เลือกสำนักงานขนส่งที่ต้องการไปใช้บริการ
- เลือกวันและเวลาที่สะดวก
- กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน
- ยืนยันการจองคิว
หลังจากนั้นระบบจะส่งข้อความยืนยัน พร้อมรหัสคิวมายังโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่งจะช่วยให้การเข้ารับบริการเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขั้นตอนการต่อใบขับขี่
ก่อนเดินทางไปสำนักงานขนส่ง ผู้ต่อใบขับขี่ต้องผ่านการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ก่อน โดยสามารถเข้าไปฝึกอบอมได้ตามขั้นตอนนี้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ เพื่อลงทะเบียนเข้ารับการอบรม
- ดูวิดีโอการอบรมตามประเภทใบขับขี่ที่ต้องการต่ออายุ (รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์)
- ตอบคำถามจากการดูวิดีโอ
- กรอกข้อมูลยืนยันตัวตน
- พิมพ์ใบรับรองการผ่านการอบรม หรือบันทึกเป็นไฟล์เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่
หลังจากอบรมทางออนไลน์เรียบร้อยแล้ว สามารถเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งตามวันและเวลาที่จองคิวไว้ โดยมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้
- แสดงรหัสคิวที่จองไว้กับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
- ยื่นเอกสารทั้งหมดเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
- ตรวจวัดสายตา
- ชำระค่าธรรมเนียม
- ถ่ายรูปทำใบขับขี่ใหม่
- รับใบขับขี่ฉบับใหม่
ค่าธรรมเนียมการต่อใบขับขี่หมดอายุ
- ต่อใบขับขี่รถยนต์ 505 บาท โดยเป็นค่าธรรมเนียม 500 บาท และค่าคำขอ 5 บาท
- ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 255 บาท โดยเป็นค่าธรรมเนียม 250 บาท และค่าคำขอ 5 บาท
เหตุผลที่ไม่ควรปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุ
หากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุ ไม่เพียงแต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ยังนำมาซึ่งความเสี่ยงและความยุ่งยากหลายประการ ดังนี้
เสี่ยงโดนค่าปรับสูงสุด 2,000 บาท
หากคุณขับรถโดยที่ใบขับขี่หมดอายุ และถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ อาจถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท ตามพระราชบัญญัติรถยนต์
ต้องเสียเวลาอบรมและสอบใหม่
ถ้าปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี คุณจะต้องเสียเวลาสอบข้อเขียนใหม่ และถ้าเกิน 3 ปี จำเป็นต้องไปสอบขับรถใหม่อีกด้วย
มีผลต่อการใช้ประกันรถยนต์
ระหว่างที่ใบขับขี่หมดอายุ หากเกิดอุบัติเหตุขณะใช้รถ บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม เพราะถือว่าผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ไม่สามารถใช้เป็นเอกสารราชการหรือทำธุรกรรมได้
ใบขับขี่ถือเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้แทนบัตรประชาชนในหลายกรณี เช่น สมัครงาน เช่ารถ และทำธุรกรรมทางการเงิน หากใบขับขี่หมดอายุ จะทำให้ไม่สามารถใช้ในกรณีเหล่านี้ได้
การได้รู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับการต่อใบขับขี่ จะช่วยให้คุณวางแผนการต่ออายุและขับขี่รถยนต์ได้อย่างมั่นใจ ทั้งยังถูกวินัยการจราจร และสำหรับคนรักรถที่กำลังมองหาเว็บซื้อขายรถมือสอง สามารถปรึกษา Autovilla ได้เลย เราคือศูนย์รับซื้อรถมือสองที่พร้อมจำหน่ายรถยนต์คุณภาพดี มีรถให้เลือกครบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มากกว่า 300 คัน ผ่านการตรวจประเมินสภาพรถยนต์ถึง 344 จุด จาก Goo Inspection ซึ่งเป็นสถาบันที่ได้รับการรับรองจากประเทศญี่ปุ่น คัดรถคุณภาพเน้น ๆ ไม่มีการชนหนัก ตัดต่อ น้ำท่วม หรือพลิกคว่ำแน่นอน โดยมีสาขาให้บริการรวม 3 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานี
- สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552
- สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
- สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098
ข้อมูลอ้างอิง
- ต่ออายุ”ใบขับขี่” อำนวยความสะดวกหลายช่องทาง. สืบค้นวันที่ 12 มีนาคม 2568 จาก https://safedrivedlt.com/ทำใบขับขี่/ต่ออายุใบขับขี่/