09.10.2025

รถกระตุกตอนเร่งเครื่องเกิดจากอะไร ? รู้สาเหตุพร้อมวิธีแก้

5 สาเหตุรถกระตุกตอนเร่งเครื่อง พร้อมวิธีตรวจเช็กและแก้ไข

อาการ "รถกระตุกตอนเร่งเครื่อง" หรือสะดุดเมื่อเหยียบคันเร่ง เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่ผู้ใช้รถหลายคนเคยเจอ และรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้การขับขี่ไม่ราบรื่น แต่ยังอาจเป็นลางบอกเหตุของปัญหาที่ใหญ่กว่า โดยหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามจน "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" ได้ บทความนี้จึงจะพาไปเจาะลึกถึงต้นตอของปัญหานี้กันแบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณเข้าใจว่าอาการรถกระตุกที่เกิดขึ้นมาจากส่วนไหนได้บ้าง และควรรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

 

1. ระบบเชื้อเพลิงมีปัญหา (Fuel System Problems)

ระบบเชื้อเพลิงเปรียบเสมือนระบบลำเลียงสารอาหารไปยังเครื่องยนต์ หากการลำเลียงสะดุด ก็ย่อมทำให้รถมีอาการกระตุก เร่งไม่ขึ้นได้

 

สาเหตุที่พบได้บ่อย

  • ไส้กรองเชื้อเพลิงอุดตัน (Clogged Fuel Filter) : ไม่ว่าจะในรถเบนซิน (ไส้กรองเบนซิน) หรือดีเซล (ไส้กรองโซลาร์) เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ไส้กรองจะดักจับสิ่งสกปรกที่ปะปนมากับน้ำมันเอาไว้ จนเกิดการอุดตัน ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงไหลผ่านไปยังเครื่องยนต์ได้ไม่สะดวก โดยเฉพาะตอนที่เราต้องการกำลังในการเร่งเครื่อง และด้วยปริมาณเชื้อเพลิงที่ส่งไปไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการสะดุดหรือกระตุกได้
  • ปั๊มเชื้อเพลิงเสื่อมสภาพ (Failing Fuel Pump) : หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ปั๊มติ๊ก" มีหน้าที่สร้างแรงดันและส่งน้ำมันจากถังไปยังเครื่องยนต์ เมื่อปั๊มเริ่มเสื่อม กำลังในการสร้างแรงดันจะลดลง ทำให้ปริมาณน้ำมันที่ฉีดออกมาไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงที่เหยียบคันเร่งเพื่อต้องการอัตราเร่งสูง ๆ
  • หัวฉีดเชื้อเพลิงอุดตัน (Clogged Fuel Injectors) : หัวฉีดทำหน้าที่ฉีดน้ำมันให้เป็นฝอยละเอียดในห้องเผาไหม้ เมื่อมีคราบเขม่าหรือสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน จะทำให้การฉีดน้ำมันไม่เป็นฝอยเท่าที่ควร หรือปริมาณการฉีดในแต่ละสูบไม่เท่ากัน ส่งผลให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์และเกิดอาการเหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก

 

วิธีตรวจเช็ก / แก้ไข

  • ไส้กรองเชื้อเพลิง : เป็นชิ้นส่วนที่ควรเปลี่ยนตามระยะที่คู่มือกำหนด (โดยทั่วไปทุก ๆ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร) หากไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนครั้งล่าสุดเมื่อไร แนะนำให้เอารถไปตรวจเช็กกับช่าง
  • ปั๊มเชื้อเพลิง : การตรวจสอบต้องใช้เครื่องมือวัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Pressure Gauge) เพื่อดูว่าแรงดันอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ หากต่ำกว่าปกติแสดงว่าปั๊มเริ่มมีปัญหา ควรให้ช่างเปลี่ยนใหม่
  • หัวฉีดเชื้อเพลิง : สามารถแก้ไขได้โดยการล้างทำความสะอาดด้วยเครื่องมือพิเศษ หรือในกรณีที่อุดตันอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนหัวฉีดใหม่

 

2. ระบบจุดระเบิดทำงานผิดพลาด (Ignition System Malfunctions)

ถ้าระบบเชื้อเพลิงส่งน้ำมันทำงานได้ดี แต่ระบบจุดระเบิดกลับทำงานผิดพลาด การเผาไหม้ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของอาการเครื่องยนต์สั่นกระตุก

 

สาเหตุที่พบได้บ่อย

  • หัวเทียนเสื่อมสภาพ (Worn Spark Plugs) : หัวเทียนมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อเขี้ยวหัวเทียนสึกหรอหรือมีคราบเขม่าเกาะมากเกินไป จะทำให้ประกายไฟที่ใช้จุดระเบิดอ่อนลง เกิดภาวะ "จุดระเบิดไม่สมบูรณ์" (Misfire) โดยเฉพาะในจังหวะเร่งเครื่องที่ต้องการประกายไฟที่แรงและแม่นยำ
  • คอยล์จุดระเบิดเสื่อม (Failing Ignition Coils) : คอยล์ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าแรงดันต่ำจากแบตเตอรี่ให้เป็นไฟฟ้าแรงดันสูงหลายหมื่นโวลต์เพื่อส่งไปให้หัวเทียนสร้างประกายไฟ โดยหากคอยล์เริ่มเสื่อมสภาพ จะไม่สามารถสร้างกระแสไฟแรงสูงได้เพียงพอ ทำให้ไฟอ่อนและเกิดอาการสะดุดคล้ายกับหัวเทียนเสื่อม
  • สายหัวเทียนขาดในหรือรั่ว (Damaged Spark Plug Wires) : ในรถยนต์รุ่นเก่าบางรุ่นที่ยังใช้สายหัวเทียน ถ้าสายมีการชำรุด ฉนวนเสื่อมสภาพ หรือขาดใน จะทำให้กระแสไฟฟ้าแรงสูงเดินทางไปไม่ถึงหัวเทียน หรือเกิดการรั่วไหลลงกราวนด์ก่อน ทำให้การสูบไม่ถึงจุดระเบิด

 

วิธีตรวจเช็ก / แก้ไข

  • หัวเทียน : ควรถอดออกมาตรวจเช็กสภาพเขี้ยวและทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ตามระยะที่กำหนด (เช่น หัวเทียนธรรมดาทุก 40,000 กม. หรือหัวเทียนอิริเดียมที่ 100,000 กม.)
  • คอยล์จุดระเบิด : การตรวจสอบทำได้โดยใช้เครื่องมือสแกนคอมพิวเตอร์ (OBD-II Scanner) เพื่อดูว่ามีรหัสความผิดปกติ (Fault Code) เกี่ยวกับการจุดระเบิดในสูบใดหรือไม่ หรือช่างอาจใช้วิธีสลับคอยล์ที่สงสัยไปยังสูบอื่นเพื่อดูว่ามีอาการเกิดขึ้นหรือไม่ หากใช่ แสดงว่าคอยล์ตัวนั้นเสีย
  • สายหัวเทียน : ตรวจเช็กสภาพภายนอกว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่ และอาจใช้มัลติมิเตอร์วัดค่าความต้านทานเพื่อดูว่าสายขาดภายในหรือไม่

 

3. ระบบไอเสียอุดตัน (Clogged Exhaust System)

เมื่อเครื่องยนต์เผาไหม้ได้ไอดีเข้าไปแล้ว ก็ต้องสามารถระบายไอเสียออกมาได้อย่างสะดวก หากระบบทางเดินไอเสียอุดตัน ก็เหมือนกับคนที่เป็นโรคหอบหืด วิ่งแล้วเหนื่อยง่าย ไม่มีกำลัง

 

สาเหตุที่พบได้บ่อย

  • แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์อุดตัน (Clogged Catalytic Converter) : "แคท" หรือเครื่องกรองไอเสีย ทำหน้าที่กรองมลพิษก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน สารเคลือบภายในอาจเสื่อมสภาพและแตกหักจนไปอุดตันทางเดินไอเสีย ทำให้เครื่องยนต์ระบายไอเสียออกไม่ได้ เกิดแรงดันย้อนกลับ ส่งผลให้กำลังเครื่องตกฮวบ และมีอาการเหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก
  • ท่อไอเสียหรือหม้อพักทะลุ/อุดตัน : อาจเกิดจากการผุกร่อน หรือมีเศษวัสดุจากภายในหลุดออกมาขวางทางเดินไอเสีย

 

วิธีตรวจเช็ก / แก้ไข

  • การตรวจสอบระบบไอเสียอุดตันค่อนข้างซับซ้อน ช่างอาจใช้วิธีวัดแรงดันย้อนกลับในท่อไอเสีย หรือถอดท่อไอเสียออกมาดูโดยตรง หากพบว่าแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์อุดตันจริง จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่เท่านั้น

 

4. เซนเซอร์หลักในระบบไอดีเสีย (Faulty Intake System Sensors)

รถยนต์สมัยใหม่ใช้สมองกล (ECU) ในการควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ โดยอาศัยข้อมูลจากเซนเซอร์ต่าง ๆ หากเซนเซอร์ตัวสำคัญให้ข้อมูลที่ผิดพลาด สมองกลก็จะสั่งการผิดพลาดตามไปด้วย นำไปสู่การเกิดอาการรถกระตุกเวลาเหยียบคันเร่ง

 

สาเหตุที่พบได้บ่อย

  • แอร์โฟล์วเซนเซอร์สกปรกหรือเสีย (Dirty/Faulty Mass Airflow Sensor - MAF) : เซนเซอร์ตัวนี้ทำหน้าที่วัดมวลอากาศที่ไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ เพื่อส่งข้อมูลให้ ECU คำนวณปริมาณการฉีดน้ำมันที่เหมาะสม หากเซนเซอร์สกปรกหรือเสื่อมสภาพ จะวัดค่าอากาศผิดเพี้ยนไป ทำให้ส่วนผสมน้ำมันกับอากาศหนาหรือบางเกินไป ส่งผลให้รถมีอาการกระตุก รอบเดินเบา หรือรอบสวิง
  • ออกซิเจนเซนเซอร์รวน (Faulty Oxygen Sensor - O2 Sensor) : ติดตั้งอยู่ที่ท่อไอเสีย เพื่อวัดปริมาณออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ แล้วส่งข้อมูลกลับไปให้ ECU ปรับส่วนผสมเชื้อเพลิงให้เหมาะสมที่สุด หาก O2 เซนเซอร์เริ่มรวน จะให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้การปรับส่วนผสมผิดพลาดและเกิดอาการเครื่องยนต์สั่นกระตุกได้

 

วิธีตรวจเช็ก / แก้ไข

  • แอร์โฟล์วเซนเซอร์ : ในเบื้องต้นสามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดด้วยสเปรย์สำหรับล้างแอร์โฟล์วโดยเฉพาะ แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะเป็นอุปกรณ์ที่บอบบางมาก หากล้างแล้วไม่ดีขึ้นอาจต้องเปลี่ยนใหม่
  • ออกซิเจนเซนเซอร์ : โดยส่วนใหญ่เมื่อเสียแล้วมักจะต้องเปลี่ยนใหม่สถานเดียว ซึ่งการตรวจสอบที่แม่นยำที่สุดคือการใช้เครื่องมือสแกนเพื่อดูค่าที่เซนเซอร์ส่งออกมา

 

5. ระบบส่งกำลังไม่สัมพันธ์กับเครื่องยนต์ (Drivetrain/Transmission Issues)

บางครั้งเครื่องยนต์อาจทำงานเป็นปกติทุกอย่าง แต่ปัญหาอาจอยู่ที่ "ระบบส่งกำลัง" ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อทำหน้าที่ผิดพลาดจนเกิดอาการเหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก

 

สาเหตุที่พบได้บ่อย

  • น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพหรือพร่อง (Worn or Low Transmission Fluid) : น้ำมันเกียร์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่หล่อลื่น แต่ยังใช้สร้างแรงดันในการเปลี่ยนเกียร์ (ในเกียร์อัตโนมัติ) ถ้าน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ ขาด หรือผิดเบอร์ จะทำให้การจับตัวของคลัตช์ในชุดเกียร์ไม่สมบูรณ์ หรือสร้างแรงดันได้ไม่ดีพอ ทำให้เกิดอาการกระตุกรุนแรงตอนเปลี่ยนเกียร์ หรือตอนที่ทอร์คคอนเวอร์เตอร์กำลังทำงาน
  • ชุดคลัตช์เสื่อมสภาพ (สำหรับเกียร์ธรรมดา) : เมื่อผ้าคลัตช์บางลง ทำให้การจับตัวกับฟลายวีล (Flywheel) ไม่สนิท เกิดอาการ "คลัตช์ลื่น" ซึ่งจะรู้สึกได้ว่ารอบเครื่องยนต์สูงขึ้นแต่ความเร็วไม่เพิ่มตาม และอาจมีอาการรถกระตุกเวลาเหยียบคันเร่งหรือเปลี่ยนเกียร์
  • ปัญหาภายในชุดเกียร์ (Internal Transmission Problems) : อาจเกิดจากโซลินอยด์วาล์วในชุดเกียร์เริ่มเสีย หรือชิ้นส่วนทางกลไกอื่น ๆ สึกหรอ ซึ่งเป็นปัญหาระดับลึกที่ต้องให้ช่างเกียร์โดยเฉพาะทำการตรวจสอบ

 

วิธีตรวจเช็ก / แก้ไข

  • น้ำมันเกียร์ : อันดับแรกให้ตรวจสอบระดับและสภาพของน้ำมันเกียร์ หากพบว่ามีสีดำคล้ำ มีกลิ่นไหม้ หรือระดับต่ำกว่าปกติ ควรเปลี่ยนถ่ายทันทีตามสเปกที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด
  • ชุดคลัตช์ : ถ้ามีอาการคลัตช์ลื่น ทางแก้คือการยกคลัตช์ใหม่ทั้งชุด
  • ปัญหาภายใน : หากเปลี่ยนน้ำมันเกียร์แล้วอาการไม่หาย ควรนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่เชี่ยวชาญด้านระบบเกียร์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด

 

ถึงแม้อาการรถกระตุกตอนเร่งเครื่องส่วนใหญ่จะแก้ไขได้ด้วยการให้ช่างซ่อมแซม แต่การเริ่มต้นด้วยรถยนต์ที่มีสภาพดีเยี่ยมตั้งแต่แรกคือการลงทุนที่คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุดในระยะยาว ดังนั้น การเลือกซื้อรถมือสองจึงไม่ใช่แค่การดูภายนอก แต่คือการมองลึกไปถึงหัวใจอย่างเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง โดยที่ตลาดรถมือสอง Autovilla เราทำหน้าที่คัดกรองคุณภาพแทนคุณ รถทุกคันถูกประเมินสภาพเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมใบรับรองจาก Goo Inspection สถาบันรับรองจากประเทศญี่ปุ่น ที่ตรวจสอบถึง 344 จุด คุณจึงมั่นใจได้ว่ารถจากเราผ่านการดูแลมาอย่างดี พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่เต็มประสิทธิภาพ ให้ทุกการเร่งเครื่องเป็นไปอย่างนุ่มนวลและมั่นใจ ทั้งยังมีบริการจัดหาไฟแนนซ์เพื่อความสะดวกในทุกขั้นตอน โดย Autovilla มีทั้งหมด 3 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานี ใกล้ที่ไหนเดินทางไปที่นั่นได้เลย

 

  • สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552 
  • สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
  • สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098

 

ข้อมูลอ้างอิง:

 

1. Causes and Fixes Car Jerks When Accelerating. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 จาก https://www.youtube.com/watch?v=lMWrMLNcvNA

 

This website uses cookies to create a good experience as well as to manage personal information for youwhile using our website. Privacy Policy

Accept