18.06.2025
เคล็ดลับการดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น ที่คนรักรถยนต์ควรรู้
ดูแลรักษารถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัย ? เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน
สำหรับคนรักรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถคันแรกของชีวิต หรือรถคู่ใจที่ใช้งานมายาวนาน ย่อมต้องการให้รถอยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อการเดินทางที่คล่องตัวและไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาจุกจิกกวนใจ ทั้งค่าใช้จ่ายบานปลาย หรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ บทความนี้จึงได้รวบรวมเคล็ดลับการบำรุงรักษารถยนต์ว่ามีอะไรบ้าง ? ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้เจ้าของรถทุกคนรู้วิธีดูแลอย่างถูกต้อง เพื่อให้รถยนต์คันโปรดอยู่กับคุณไปอีกนาน
ความสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น
การดูแลรถยนต์ระดับเบื้องต้น ช่วยให้สามารถป้องกันการเกิดปัญหาระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีประโยชน์ดังนี้
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ การดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ส่วนใดส่วนหนึ่งเสื่อมสภาพ จะทำให้ระบบเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ไปจนถึงระบบไฟฟ้าของรถยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปอีกนานหลายปี
- ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ความผิดปกติบางอย่างอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น เบรกที่เสื่อมทำให้หยุดรถไม่ทัน ยางที่รั่วโดยไม่รู้ตัวจนระเบิดบนถนน หรือไฟเบรกที่ดับจนรถคันหลังมองไม่เห็น การตรวจสอบระบบความปลอดภัยพื้นฐานเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ มีบทบาทสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว การบำรุงรักษาเป็นประจำ จะช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาใหญ่ที่อาจต้องใช้เงินซ่อมแซมจำนวนมาก
- ช่วยรักษามูลค่าเมื่อต้องขายต่อ สำหรับผู้ที่มีแผนจะเปลี่ยนรถ หรือขายรถในอนาคต การดูแลรักษารถยต์ให้ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้ได้ราคาที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อรถมือสองส่วนใหญ่มักมองหารถที่มีประวัติการดูแลชัดเจน ไม่ผ่านการซ่อมใหญ่ หรือมีร่องรอยความเสียหายจากการใช้งานหนัก
10 วิธีดูแลรถยนต์แบบง่าย ๆ ที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้
1. ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ลดการเสียดสีและความร้อน หากน้ำมันพร่องต่ำกว่าระดับที่กำหนด อาจทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ หรือในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เครื่องยนต์น็อกได้ การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมาเช็ด แล้วจุ่มกลับลงไป จากนั้นดึงขึ้นมาดูระดับ หากต่ำกว่าระดับ “LOW” ควรเติมให้ถึงระดับ “FULL” ทันที
2. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
แม้น้ำมันเครื่องจะยังไม่พร่อง แต่ก็ควรต้องเปลี่ยนใหม่อยู่เสมอเมื่อครบระยะการใช้งาน เพื่อคงประสิทธิภาพในการหล่อลื่น ซึ่งโดยปกติแล้ว ควรทำการเปลี่ยนทุก 5,000 - 10,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันและสภาพการใช้งาน
3. เช็กแรงดันลมยางเดือนละครั้ง
การเติมลมยางให้เหมาะสมและพอดีส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่ ทั้งในด้านการทรงตัว การยึดเกาะถนน ไปจนถึงคุณสมบัติที่ช่วยประหยัดน้ำมัน หากลมยางอ่อนเกินไป อาจทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น แต่หากเติมมากเกินไป จะทำให้สมรรถนะในการยึดเกาะถนนลดลง ซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นไถล จึงควรดูแลรถยนต์ด้วยการตรวจเช็กแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง หรือก่อนเดินทางไกลเสมอ
4. ตรวจสอบระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ
ระบบเบรก คือหัวใจของความปลอดภัย หากพบว่าเบรกเริ่มมีเสียงดัง เหยียบแล้วจม หรือหนืดเกินไป ควรรีบให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กทันที เพราะอาจมีปัญหากับผ้าเบรก จานเบรก หรือน้ำมันเบรก การตรวจสอบเป็นประจำจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้

5. ล้างรถและเคลือบสีรถเป็นประจำ
การล้างรถยนต์อย่างสม่ำเสมอไม่ได้ตอบโจทย์แค่ในเรื่องของความสะอาด แต่ยังช่วยป้องกันสิ่งสกปรกที่อาจกัดกร่อนพื้นผิวรถ เช่น ขี้นก ยางไม้ คราบฝุ่นฝังแน่น หรือยางมะตอยที่ติดตามชายรถ นอกจากนี้การเคลือบสีอย่างน้อยทุก 3-6 เดือนยังจะช่วยให้สีรถเงางาม ป้องกัน UV และลดการเกาะของคราบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. เช็กระดับน้ำในหม้อน้ำ และหม้อพักน้ำ
หม้อน้ำเป็นระบบระบายความร้อนที่สำคัญของรถ หากระดับน้ำลดลงมากอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป หรือเกิดโอเวอร์ฮีตขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว จึงควรตรวจเช็กระดับน้ำ ทั้งในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำให้อยู่ในระดับเต็มอยู่เสมอ โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกล
7. ดูแลแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่มีบทบาทในการสตาร์ตรถและจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ เช่น วิทยุ ไฟหน้า กระจกไฟฟ้า จึงควรตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพสะอาด ไม่มีคราบเกลือ หรือสนิม รวมถึงหมั่นสังเกตอายุของแบตเตอรี่ หากสตาร์ตรถยาก หรือไฟหน้าสว่างน้อยลง อาจเป็นสัญญาณของอาการแบตเสื่อม
8. ตรวจสอบไฟส่องสว่างและไฟเบรก
ไฟส่องสว่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก หรือไฟเลี้ยว ล้วนมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ร่วมทาง หากไฟทำงานผิดปกติ เช่น ไฟเบรกเสีย อาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ แนะนำให้เปิดไฟและตรวจดูทุกดวงอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกล
9. เปิดแอร์รถสม่ำเสมอ แม้ไม่ได้ใช้งานทุกวัน
ระบบแอร์รถยนต์มีส่วนประกอบหลายอย่างที่ต้องทำงานร่วมกัน การไม่เปิดใช้งานแอร์เป็นเวลานานอาจทำให้ซีลแห้ง น้ำยารั่ว หรือเกิดเชื้อราในตู้แอร์ ดังนั้น จึงควรเปิดแอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อรักษาระบบให้ทำงานปกติและยืดอายุการใช้งาน
10. นำรถเข้าศูนย์บริการ หรือตรวจเช็กประจำปี
แม้จะพยายามศึกษาและปฏิบัติตามการดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้นเป็นอย่างดี แต่บางระบบ เช่น ระบบช่วงล่าง ระบบไฟฟ้า หรือ ECU อาจมีความซับซ้อนที่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ การนำรถเข้าตรวจสภาพตามระยะ หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ พร้อมให้คำแนะนำ จะช่วยเสริมความมั่นใจในการดูแลรถยนต์ให้คงสภาพดีได้ในระยะยาว
การดูแลรักษารถยนต์ นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ยังทำให้เดินทางปลอดภัย สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์มือสองสภาพดี ที่ผ่านการตรวจเช็กระบบเบรกและระบบความปลอดภัยอย่างละเอียด สามารถเลือกชมได้ที่ Autovilla เว็บรถมือสองที่มีรถให้เลือกครบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มากกว่า 300 คัน ที่สำคัญรถทุกคันผ่านการคัดคุณภาพ ไม่มีการชนหนัก ตัดต่อ น้ำท่วม หรือพลิกคว่ำแน่นอน โดยมีสาขาให้บริการรวม 3 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานี
• สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552
• สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
• สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098
ข้อมูลอ้างอิง
1. 10 ข้อพื้นฐานในการดูแลรถสำหรับมือใหม่ที่ควรรู้ไว้. สืบค้นวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 จาก https://cockpit.co.th/post/667/10-ข้อพื้นฐานในการดูแลรถสำหรับมือใหม่ที่ควรรู้ไว