20.12.2024
วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมและวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้อง
เคยไหม ? ในวันที่ตื่นเช้ามาเพื่อรีบออกเดินทางไปทำงาน แต่ต้องเจอกับปัญหารถสตาร์ตไม่ติด หรือสตาร์ตติดยาก นี่อาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่รถของคุณกำลังมีปัญหา เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้ทุกคนสามารถเดินทางไปสู่จุดหมายโดยปราศจากปัญหากวนใจ และช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ให้อยู่คู่กับรถของเราได้ตามอายุการใช้งาน วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม และการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
รู้ทันสัญญาณเตือนแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม
ก่อนจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวิธีเช็กแบตเตอรี่ เราอยากจะพูดถึงสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าแบตเตอรี่รถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพกันก่อน โดยสัญญาณเตือนแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมมีทั้งหมด 4 ข้อ ดังนี้
- รถสตาร์ตติดยาก ต้องสตาร์ตหลายครั้ง
ในกรณีที่แบตเตอรี่เสื่อม รถยนต์จะมีอาการสตาร์ทติดยากคู่กับปัญหาเสียงสตาร์ทรถยนต์ที่ลากยาวกว่าปกติเสมอ โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม ตัวแบตเตอรี่จะจ่ายไฟไปยังเครื่องยนต์ได้น้อยลงจนทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถติดขัด
- ไฟหน้ารถหรี่ลงผิดปกติ
เพราะแบตเตอรี่ไม่ได้มีหน้าที่จ่ายไฟไปยังเครื่องยนต์เพื่อให้รถสตาร์ทติดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนสำคัญในการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ภายในรถ เช่น ไฟหน้า ดังนั้นหากใครที่รู้สึกว่าไฟหน้ารถหรี่ลงผิดปกติ อาการดังกล่าวนับว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่รถยนต์กำลังเสื่อมสภาพ
- ไฟเตือนแบตเตอรี่ที่หน้าปัดสว่างขึ้น
ปกติเวลาที่สตาร์ทรถยนต์ไฟเตือนแบตเตอรี่มักจะโชว์ขึ้นมาบนหน้าปัด และดับไปเองหลังจากที่รถสตาร์ทติดแล้ว แต่ในทางกลับกัน หากรถของใครที่ไฟเตือนแบตเตอรี่ยังคงทำงานอยู่แม้กระทั่งตอนขับขี่ นั่นเป็นสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าระบบการทำงานของแบตเตอรี่กำลังมีปัญหา
- อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทำงานช้าลง
นอกจากไฟหน้ารถหรี่แล้ว หากใครที่รู้สึกว่าระบบการทำงานของอุปกรณ์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าในรถยนต์เริ่มมีปัญหา เช่น ระบบทำความเย็นไม่ทำงาน, ความดังของแตรลดลง และกระจกรถมีอาการติดขัดเวลาเปิด-ปิด ปัญหาทั้งหมดนี้นับว่าเป็นสัญญาณของอาการแบตเตอรี่เสื่อมที่เราไม่ควรมองข้าม
วิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมด้วยตัวเอง
โดยทั่วไปแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมการใช้รถ และคุณภาพของแบตเตอรี่ ซึ่งเราสามารถเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมด้วยตัวเองได้ตาม 3 ขั้นตอนด้านล่าง ดังนี้
- ตรวจเช็กว่าแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานมานานเท่าไหร่แล้ว
เป็นวิธีเช็กแบตเตอรี่ที่ง่ายและรวดเร็วมากที่สุด ซฃโดยปกติแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่จะเริ่มลดลงหลังจากเข้าปีที่สองของการใช้งาน ดังนั้นหากใครที่เช็กแบตเตอรี่ดูแล้วพบว่าแบตเตอรี่มีการใช้งานเกิน 2 ปี ทางที่ดีเราควรนำรถเข้าอู่เพื่อให้ช่างตรวจสอบว่าถึงเวลาที่เราควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์แล้วหรือยัง
- เช็กขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบสกปรกเกาะติดอยู่หรือไม่
เนื่องจากขั้วแบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ ดังนั้นหากตัวขั้วแบตมีสิ่งสกปรกเกาะอยู่ ประสิทธิภาพการจ่ายกระแสไฟฟ้าก็ย่อมลดลงตามไปด้วย
- ตรวจสอบสีของน้ำกลั่น
ข้อนี้เป็นวิธีดูแบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุที่ผู้ใช้รถทุกคนสามารถทำตามได้ง่ายๆ เพียงแค่เปิดจุกปิดน้ำกลั่นแบตเตอรี่ออก แล้วสังเกตว่าน้ำกลั่นมีสีขุ่นหรือมีตะกอนลอยอยู่หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ นั่นหมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์ของเรากำลังเสื่อมสภาพแล้วนั่นเอง
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
- แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานเกิน 3 ปี
ถึงแม้แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานมากสุดที่ 5 ปี แต่ทางที่ดีเราอยากจะแนะนำให้ทุกคนเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อมีตัวแบตฯ เดิมมีอายุการใช้งานเกิน 3 ปีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของอุปกรณ์อื่นๆ ภายในตัวรถได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
- มีอาการสตาร์ตติดยากบ่อยครั้ง
อาการรถสตาร์ทติดยากเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าตัวแบตเตอรี่เริ่มมีปัญหา ดังนั้นหากใครรู้สึกว่ารถของเรามีปัญหาดังกล่าวบ่อยครั้ง เราควรรีบนำรถเข้าอู่ให้เร็วที่สุด
วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อยืดอายุการใช้งาน
หลังจากพาไปทำความรู้จักวิธีดูแบตเตอรี่รถยนต์หมดอายุกันไปแล้ว ในส่วนต่อมาเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ตามข้อมูลด้านล่าง ดังนี้
- หมั่นทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
วิธีทำความสะอาดให้เริ่มจากการถอดขั้วแบตออก โดยให้เริ่มถอดขั้วลบก่อนเสมอ หลังจากนั้นให้ผสมน้ำหนึ่งถ้วยกับเบรคกิ้งโซดา ใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำผสมเบรคกิ้งโซดาที่เตรียมไว้แล้วเช็ดบริเวณที่มีขี้เกลือให้สะอาด เมื่อเสร็จแล้วให้นำแปรงสีฟันจุ่มกับน้ำผสมเบรคกิ้งโซดา และทำความสะอาดบริเวณขั้วแบต หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ให้เช็ดบริเวณที่เปียกให้แห้งสนิทก่อนจึงค่อยต่อสายไฟกลับเข้าที่เดิม โดยครั้งนี้ให้เริ่มต่อจากขั้วบวกก่อนแล้วจึงค่อยตามด้วยขั้วลบ
- ตรวจสอบระบบการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ
ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบไฟในรถยนต์มีการเปิด-ปิดอย่างถูกต้องทุกครั้งก่อนดับเครื่องยนต์ เช่น ระบบไฟหน้า และระบบไฟในห้องโดยสาร
- ตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นทุก 3-6 เดือน
ระดับน้ำกลั่นที่เหมาะสมจะต้องอยู่ในระดับเดียวกันกับส่วนปลายเดือยพลาสติกที่ติดอยู่ฝาจุกปิดน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ซึ่งถ้าหากใครตรวจสอบดูแล้วพบว่าระดับน้ำกลั่นลดลง ทางที่ดีเราควรรีบเติมน้ำกลั่นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
นอกจากสาระดี ๆ ที่เรานำมาฝากกัน ว่าด้วยเรื่องวิธีเช็กแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมแล้ว หากใครที่กำลังมองหาเต็นท์รถมือสองคุณภาพดี หรือแหล่งรับซื้อรถมือสอง แวะมาที่ Autovilla ได้เลย เพราะเราคือเต็นท์รถมือสองคัดเกรด ที่คุณมั่นใจได้ในคุณภาพ โดยรถทุกคันผ่านการตรวจสอบสภาพด้วยมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากประเทศญี่ปุ่น การันตีไม่มีชนหนัก ตัดต่อ น้ำท่วม หรือพลิกคว่ำแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552
สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098
ข้อมูลอ้างอิง:
1. How to สังเกตอาการแบตเตอรี่เสื่อมง่าย ๆ ระหว่างใช้รถ!. สืบค้นวันที่ 11 ธันวาคม 2567 จาก https://www.gsbattery.co.th/th/newsDetail/163/howtoสังเกตอาการแบตเตอรี่เสื่อมง่ายๆระหว่างใช้รถ!#:~:text=รถสตาร์ทติดยาก เวลา,ว่าประจุไฟฟ้าแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ
2. เช็กแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยตนเอง วิธีง่ายๆใครก็ทำได้. สืบค้นวันที่ 11 ธันวาคม 2567 จาก https://www.b-quik.com/th/advice/battery/easy-way-to-check-your-battery-by-yourself