07.02.2024
รู้ไว้ก่อนซื้อรถ ต้องจ่ายภาษีรถมือสองหรือไม่?
วางแผนซื้อรถมือสองได้อย่างคุ้มค่า ต้องจ่ายภาษีรถมือสองหรือไม่?
ใครที่กำลังมีแพลนจะซื้อรถยนต์มือสองไว้ใช้งาน แต่ไม่รู้ว่าการซื้อรถยนต์มือสองต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และต้องเสียภาษีรถมือสองหรือไม่ เพื่อช่วยให้คุณเตรียมเงินค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ให้พร้อม เรามีสิ่งที่ต้องรู้ในการซื้อรถยนต์มือสองมาบอกกัน
6 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อรถยนต์มือสอง
1. ภาษีรถยนต์มือสอง
ในการซื้อรถยนต์มือสอง หากซื้อจากบุคคลธรรมดา หรือที่เรียกกันว่า “รถบ้าน” ผู้ซื้อไม่ต้องเสียภาษีรถมือสอง และสามารถจ่ายค่ารถยนต์ในราคาตามที่ตกลงกันได้เลย แต่ถ้าหากเป็นการซื้อผ่านเต็นท์ขายรถยนต์มือสอง ผู้ซื้อจำเป็นต้องเสียภาษี 7% ของราคารถยนต์ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อต้องไม่ลืมคำนวณราคาโดยบวกกับภาษีรถยนต์ด้วย จะได้รู้ว่าอยู่ในงบประมาณของเราหรือไม่ จะได้ไม่ต้องกังวลกับการหาเงินมาโป๊ะเพิ่มในภายหลัง
2. วิธีคำนวณภาษีรถยนต์มือสอง
สำหรับวิธีคำนวณภาษีรถยนต์มือสอง สามารถทำได้ ดังนี้ หากราคาขายรถยนต์มือสองที่ทางเต็นท์รถติดป้ายไว้คือ 100,000 บาท จะต้องเสียงภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% คือ 7,000 บาท เท่ากับว่าผู้ซื้อต้องชำระเงินค่ารถยนต์มือสองคันนั้น 107,000 บาท
3. ค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์มือสอง
ใครที่สงสัยว่าถ้าหากต้องการซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถ นอกจากภาษีรถมือสองแล้ว จะมีค่าอะไรอีกบ้างที่เราจำเป็นต้องจ่าย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
กรณีจ่ายเงินสด
- ค่าจอง คือเงินที่ต้องจ่ายให้แก่เต็นท์รถก่อนทำสัญญาซื้อขาย เป็นการแสดงเจตจำนงว่าต้องการจองรถยนต์ไว้ ซึ่งถ้าหากไม่มาซื้อในภายหลัง ทางเต็นท์รถก็จะยึดเงินจองนั้นไป
- ค่าภาษี เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อรถต้องจ่ายเพิ่ม จากราคาค่ารถยนต์มือสอง ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อจึงควรสอบถามราคาจากทางเต็นท์ให้ชัดเจนว่า ราคาที่ติดป้ายไว้รวมภาษีรถมือสองแล้วหรือยัง หรือต้องคำนวณภาษีจากยอดเท่าไร
- ค่าโอนรถ คือค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บโดยกรมการขนส่งทางบก เพื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของเก่าเป็นชื่อผู้ซื้อคนใหม่ โดยเรียกค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์นี้ว่า “ค่าอากร” ซึ่งจะประกอบด้วย ค่าธรรมเนียม 5 บาท ค่าโอน 100 บาท และค่าอากรซื้อขายอยู่ที่ 500 บาท ต่อจำนวนเงิน 100,000 บาท
ดังนั้น หากซื้อรถมือสองในราคา 100,000 บาท ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์คิดเป็น 5 + 100 + 500 ซึ่งเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 605 บาท
- ค่าประกันรถยนต์ เป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องเตรียมไว้เพิ่มเติมหลังจากการซื้อรถยนต์ ซึ่งบางเต็นท์รถมือสองอาจมีการแถมประกันรถยนต์มาให้ แต่ถ้าไม่มี ผู้ซื้อจำเป็นต้องซื้อด้วยตนเอง เพื่อเป็นหลักประกันว่าหากเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียหาย จะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ทั้งของตนเองและคู่กรณี
กรณีจ่ายไฟแนนซ์
- เงินดาวน์ เป็นเงินสดที่ต้องนำไปชำระเป็นค่ารถยนต์ในส่วนแรก ซึ่งโดยส่วนมากเงินดาวน์จะอยู่ที่ประมาณ 15%-25% แต่มีเต็นท์รถจำนวนไม่น้อยที่มีข้อเสนอเงินดาวน์ 0% ผู้ที่สนใจซื้อรถจึงควรสอบถามจากเต็นท์รถมือสองให้ดีเสียก่อน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
- ค่างวด คือเงินที่ผู้ซื้อรถยนต์ต้องผ่อนจ่ายให้แก่ไฟแนนซ์ทุกเดือน ซึ่งผู้ซื้อต้องพิจารณาให้แน่ใจว่าจะมีเงินเพียงพอสำหรับจ่ายค่างวด เนื่องจากหากไม่ส่งค่างวดตรงตามเวลาจะถูกไฟแนนซ์ยึดรถได้
- ดอกเบี้ย เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากราคาค่ารถยนต์ โดยต้องจ่ายให้แก่บริษัทไฟแนนซ์ มักจะรวมอยู่ในค่างวดรถยนต์แต่ละเดือน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ผู้ซื้อได้ตกลงกับบริษัทไฟแนนซ์ไว้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาอัตราดอกเบี้ยให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
- ค่าจัดไฟแนนซ์ เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และจัดเตรียมเอกสารของบริษัทไฟแนนซ์ ผู้ซื้อต้องสอบถามค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาให้ถี่ถ้วน และนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทไฟแนนซ์หลายที่ เพื่อเลือกไฟแนนซ์ที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด
4. ใครต้องจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์?
สำหรับค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามที่เราได้กล่าวไป โดยปกติแล้วผู้ซื้อจะต้องเป็นคนจ่าย แต่ในบางกรณีสามารถตกลงกับผู้ขาย เพื่อแบ่งกันจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ก็ได้เช่นกัน
5. รถยนต์มือสองโอนประกันได้ไหม?
การซื้อรถยนต์มือสอง ผู้ซื้อสามารถรับโอนประกันรถยนต์ได้ แต่ถ้าประกันรถยนต์คันที่ต้องการซื้อมีอายุเหลืออยู่ไม่ถึง 6 เดือน ก็จำเป็นต้องซื้อประกันรถยนต์ใหม่
6. เช็กภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ที่ไหน?
นอกจากภาษีรถมือสองที่ต้องจ่ายตอนซื้อรถยนต์แล้ว เจ้าของรถคนใหม่ ยังจำเป็นต้องจ่ายภาษีรถยนต์รายปีที่กรมขนส่งทางบกอีกด้วย เพื่อให้หน่วยงานของรัฐได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้ในการซ่อมแซมและพัฒนาถนนหนทางต่อไป ซึ่งภาษีรถยนต์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของรถยนต์ โดยเจ้าของรถสามารถตรวจสอบภาษีรถยนต์ได้ที่ https://eservice.dlt.go.th/esvapp/esv/ebk/esv02q002/
ทั้งหมดนี้ คงทำให้คนที่ต้องการซื้อรถมือสอง สามารถเตรียมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ได้อย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น และสำหรับใครที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสอง แบบไม่ต้องกังวลกับการคำนวณค่าใช้จ่ายให้ยุ่งยาก ที่ Autovilla เต็นท์รถมือสอง ในกรุงเทพฯ พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้คุณมีรถคันที่ใช่เป็นของตนเอง
สนใจเข้าไปดูรถมือสอง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สาขาศรีนครินทร์ โทร. 097-921-9552
สาขาร่มเกล้า โทร. 095-906-0633
สาขาลำลูกกา โทร. 092-940-5098
ข้อมูลอ้างอิง:
- ภาษีรถยนต์ ทำไมต้องต่อทุกปี มีวิธีและขั้นตอนอย่างไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 จาก https://portal.info.go.th/automobile-tax/